แชร์ประสบการณ์หลงป่า ตอนที่ 3

แชร์ประสบการณ์หลงป่า ตอนที่ 3

เอาหละครับ หลังจากที่ห่างหายกันไปน๊านนาน ผมเพราะคอมผมเสียฮ่าๆ เอาละครับนอกเรื่องไปหลายโพสแล้ว ก็มาต่อกันที่จะทำยังไงเมื่อหลงป่า ประสบการณ์หลงป่านี้ผมบอกไว้ก่อนเลยนะครับไม่ใช่ประสบการณ์ของผมเเต่เป็นของ น้าคนหนึ่งที่ผมรู้จักเเละเคารพแก แกได้อณุญาติให้ผมนำเรื่องราวต่างๆเหล่านี้มาเเชร์แบ่งปันให้กับพี่น้องที่ผ่านมาได้อ่านได้เป็นวิทยาทานความรู้ในเวลาที่ได้ประสบเหตุการณ์จริงจะได้มีพื้นฐานในการเอาตัวรอดได้ หรือจะอ่านเอาสนุกเป็นบทความที่ให้ความเพลิดเพลินในยามว่างที่แวะเวียนเข้ามาในเวปนี้นะครับ เอาละทักทายกันพอสมควรเเล้วจัดเลยละครับเพื่อมิให้เสียนาฬิกา เอ้ย!เสียเวลาจัดไปครับ


ตอนที่ 3 

หลังจากที่ตรวจสอบสุขภาพโดยรวมเรียบร้อย ผมก็สวดมนต์และบริกรรมคาถาเพื่อความอุ่นใจและเป็นการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เพราะอย่างที่ผมเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ การที่จะเอาตัวรอดได้จากการหลงป่าเพียงลำพัง นอกจากมีทักษะแล้ว ยังต้องมีกำลังใจที่ดีด้วย เพราะจากที่ผมเคยได้ฟังถึงเรื่องราวเล้นลับในป่า เมื่อนึกถึงก็ทำให้ใจแป้วเอาเหมือนกัน ดังนั้นการที่ผมสวดมนต์บริกรรมคาถาก็สามารถช่วยในด้านของจิตใจยามอยู่คนเดียวในป่าได้พอสมควร จากนั้นผมก็ขึ้นเปลนอน ผมนำมีดพกเล่มที่ถนัดมือมานอนกอดเพื่อความอุ่นใจ เพราะถึงเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ มันก็มีส่วนช่วยให้ผมหลับตาลงได้ ผมนอนวางแผนการปฏิบัติไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ ว่าผมต้องทำอะไรบ่าง เพราะการมีแผนสำหรับวันต่อไปจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดให้เราได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ผมนึกถึงเป็นอย่างแรกที่จะต้องทำก่อนในวันพรุ่งนี้ คือ การหาน้ำเติมกระติกให้เต็ม เพราะน้ำในกระติกของผมตอนนี้ เหลือไม่ถึง ๓ ใน ๔ ส่วนของกระติก ถือได้ว่าเข้าขั้นวิกิตแล้ว อย่างที่ ๒ ที่ต้องทำ คือ การหาอาหาร ถึงผมจะเหลือ ซุปอีก ๓ ซอง แต่เพราะวันนี้ผมยังไม่สามารถหาเต็นท์ได้เจอ ผมจึงต้องเก็บ ซุปทั้ง ๓ ซองนี้ไว้ใช้เมื่อยามจำเป็นอย่างที่ ๓ คือการออกตามหาเต็นท์อีกครั้ง แต่ถ้าหากยังไม่เจอ ผมต้องยกเลิกภาระกิจ แล้วหาทางออกจากป่าให้ได้ จากนั้นผมก็ม่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการฝ่าดงมาในวันนี้ 
รุ่งเช้าเสียงนาฬิกาปลุกแห่งธรรมชาติก็ทำงานได้ตรงเวลาเช่นวันก่อนๆ เสียงไก่ป่าขันกับเสีงนกกาหว่าวร้องผมตืนขึ้นพร้อมเก็บข้าวของ และเปล เพราะวันนี้คงต้องอดอาหารไปก่อน ผมจิบน้ำในกระติกพอแก้กระหาย หลังจากนั้นผมก็นึกทบทวนแผนที่คิดไว้ก่อนนอนเมื่อคืน คือ หาน้ำ , หาอาหาร และ หาเต้น ในการหาน้ำ สำหรับผมไม่ใช่เรื่องยาก เพราะผมมีทักษะอยู่พอตัว หลักการที่ผมใช้ในวันนั้นคือการสังเกตุ และทำความเข้าใจในภูมิประเทศ แต่การหาอาหารนี่ซิ สำหรับผมอาจจะลำบากสักหน่อยในตอนนั้นระหวางเดินผมพบเห็ดขึ้นอยู่มากมาย แต่ผมไม่รู้จักเลยสักชนิด รู้แต่ว่าเห็ดบ่างชนิดมีพิษ ทำให้คนตายมาแล้วนักต่อนัก ดังนั้นอะไรที่ผมไม่รู้จัก หรือไม่แน่ใจว่ามันสามารถกินเข้าไปได้ ผมจะไม่มีวันเอาใส่ปากเด็ดขาด ในการทำกับดักสำหรับดักสัตว์เล็กก็ไม่เหมาะกับสถานการณ์ในวันนี้ เพราะสัตว์จะติดกับดักหรือไม่ติดนั้น มันแล้วแต่โชคของเรา และความซวยของสัตว์ อีกทั้งผมไม่ได้ปักหลักอยู่กับที่เป็นวันๆ เพราะต้องเดินออกตามหาแหลงน้ำ กับ เต็นท์ที่ยังหาไม่เจอ ดังนั้นคงเหลือวิธีการเดียวคือ การล่า ในการล่าผมต้องการแค่การอยู่รอด ดังนั้นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่จึงไม่ใช่เป้าหมาย ผมจะล่าแต่สัตว์เล็กเท่านั้น เช่น แมลง หนอนที่กินได้ นก หนู กระรอก หรือ งูที่มีขนาดไม่ใหญ่มากจนกินไม่หมด ต้องเป็นสัตว์ที่ผมสามารถล่าแล้ว พามันติดตัวไปได้ เพราะผมคงไม่แบกหมู่ป่าเป็นตัวๆเดินหาแหล่งน้ำแน่ๆ อีกทั้งผมเองก็หลงป่าอยู่คนเดียว สัตว์ป่าที่มีขนาดใหญ่ก็เกินความจำเป็น เมื่อนึกถึงการล่า ก็ต้องมีอุปกรณ์ ในกระเป๋าฉุกเฉินของผมมียางหนังสติ๊ก + หนังรองกระสุน พร้อมลูกเหล็กขนาด ๔ มิลลิเมตร อยู่ประมาณ ๒๐ - ๓๐ ลูก ขาดก็แต่ง่ามหนังสติ๊ก ผมเลยเดินหาไม้รอบๆที่พัก ที่มีลักษณะเป็นง่านพอเหมาะมือ เพื่อมาทำหนังสติ๊กสำหรับการล่าสัตว์เล็ก พอทำเสร็จผมเก็บก้อนกรวดที่มีอยู่รอบๆ และมีลักษณะค่อนข้างกลม มาใช้ในการทดสอบ และสร้างความเคยชิน เพื่อความแม่นยำในการยิง ต่อมาผมเหลือบดูที่นาฬิกาข้อมือ เวลาเกือบ ๘ โมงเช้าแล้ว ผมรีบดับกองไฟที่ใกล้มอดให้ดับสนิท แล้วออกเดินทางหาแหล่งน้ำ ในการหาแหล่งน้ำผมจะพยายามมองหาพื้นที่สูงๆ เพื่อง่ายต่อการสังเกตุการทางสายตาได้ในระยะไกลๆ เพื่อมองหาดงของต้นไม้ที่ชอบขึ้นอยู่ตามริมน้ำและมีลักษณะขึ้นเป็นดงใหญ่ๆ เช่น ต้นยางนา , ต้นกระทุ่มน้ำ , ต้นตะแบก ในการสังเกตุหาเราเห็นดงต้นไม้ตามที่ว่า ขึ้นอยู่ในพื้นที่ราบ หรือบริเวนหุบเขา ก็มันใจได้เลยว่า ไม่ไกลจากดงไม้นั้นจะมีแหล่งน้ำอยู่อย่างแน่นอน แต่หากพบมันอยู่บนพื้นที่ๆมีความลาดชัน ก็จะมีน้ำเหมือนกัน แต่มันจะอยู่ใต้ดินเราคงต้องเสียเวลาขุดหามัน เว้นแต่พื้นที่นั้นมันจะเป็นแอ่งกระทะ ในระหว่างที่ผมเดินเพื่อหาจุดที่จะขึ้นไปสังเกตุการหาพื้นที่ๆมีแหล่งน้ำ ผมก็จะพยายามมองสังเกตุรอบๆตัวเพื่อหา เถาวัลน้ำ และสัตว์ที่ผมสามารถใช้หนังสติ๊กยิงมันได้ไปด้วย เดินมาจนเกือบบ่ายโมง ผมก็ยังไม่พบแหล่งน้ำสักที น้ำในกระติกที่เหลือก็จวนเจียนจะหมด นกหนูก็ไม่โผล่ออกมาให้ยิงสักตัว ทั้งเหนื่อยทั้งหิวผมเริ่มมองหาที่เหมาะๆเพื่อที่จะนั่งพักเหนื่อยสัก ๑๐ - ๒๐ นาที ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปที่จุดที่ผมตั้งใจจะหยุดพัก ผมก็เหลือบไปเห็น ต้นปอหูช้างขึ้นกันอยู่เป็นดงเลยที่เดียว และมันเป็นสัณญานบอกว่า มีแหล่งน้ำอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้ เพราะต้นปอหูช้างมันก็เป็นพืชที่ชอบขึ้นอยู่แถวๆที่มีน้ำเหมือนกัน ผมจึงเปลียนใจไม่หยุดพัก ผมเดินเข้าไปในดงต้นปอหูช้างทันที แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ผมเจอทางน้ำเล็กๆ ผมหยุดเพื่อซุ่มดูอยู่สักระยะ เพราะทางน้ำเล็กๆ มันก็เป็นเหมือนจุดแวะพักดืมน้ำของสัตว์ต่างๆเหมือนกัน รวมถึงสัตว์นักล่าอย่างเสือดาว หรือเสือโคร่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีสัตว์ที่เป็นอันตรายซ้อนตัวอยู่ ผมจึงออกไปแล้วสำรวจน้ำในทางน้ำว่ามีลักษณะอย่างไร ต้องกรองก่อนหรือไม่ เมื่อสำรวจแล้วว่าน้ำใสดี ผมก็เอาน้ำในกระติกที่เหลือออกมาดืมให้หมด จากนั้นก็หาเศษไม้มาก่อไฟกองเล็กๆเพื่อต้มน้ำ ด้วยการใช้ก้นกระติกต้มแล้วกรอกลงกระติกที่ละครั้ง จนเต็มกระติก ในระหว่างการต้มน้ำผมจะไม่ถอดหรือปลดสำภาระใดๆออก และเตรียมพร้อมตื่นตัวอยู่เสมอ ผมต้องคอยระวังภัยจากสัตว์ป่าที่จะอาจจะเข้ามาดืมน้ำ เพราะบริเวณนั้นมีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด โดยเฉพาะรอยเท้าหมูป่า และกวางที่อยู่กันเป็นฝูง ถึงจะเป็นกวางก็อันตรายหากต้องเจอมันทั้งฝูง และอยู่ในระยะประชิด จ่าฝูงมันต้องเล่นงานผมแน่ๆ การที่ไม่เอาอุปกรณ์ใดๆออกจากตัวเป็นการระวัง เผื่อผมต้องใส่ตีนหมาวิ่งหนีอะไรอีก จะได้ยังมีของที่จำเป็นใช้ในยามฉุกเฉิน เพราะหากผมเสียกระเป๋ายังชีพไปอีก ทีนี้คงต้องทำตัวย้อนเป็นมนุษย์ยุคหิน หาของมาประดิษกันให้วุ่นวายอีก เมื่อผมได้น้ำจนเต็มกระติกแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวที่ต้องออกหาเต็นท์พร้อมกับหาอาหารไปด้วยตามทางที่เดิน เพราะผมเหลือเวลาสำหรับวันนี้อีกไม่มาก ก็ใกล้จะถึงเวลาของการเตรียมตั้งแค้ม เดินออกมาจากทางน้ำหลายกิโล ผมยังไม่เจอ นก,หนู หรืออะไรที่กินได้ซักที วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เหมือนว่าพวกสัตว์มันจะรู้ว่าผมมีหนังสติ๊กเลย พอเดินต่อไปสักพักผมก็เจอป่าไผ่ไม้รวก ผมนึกถึงหน่อไม้ขึ้นมาทันที จากนั้นก็เข้าไปหาได้มา ๕ - ๖ หน่อ ผมเอาใส่กระเป๋าข้างกางเกงไว้ ระหว่างที่กำลังหาต่อ ผมสังเกตุเห็นความเคลื่่อนไหวบริเวณก่อไผ่ ฝั่งตรงข้ามเลยเดินเข้าไปดู มันคือ งูหลาม ขนาดไม่ใหญ่ ขนาดตัวมันประมาณถ่านไฟฉายก้อนใหญ่ ยาวประมาณเมตรนึง และมันก็คืออาหารของผม พร้อมกับหน่อไม้ที่หาได้ ผมตัดหัวมันทิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่ามันตายสนิทเพราะผมต้องเอามันพันคอไว้ในระหว่างการเดินออกตามหาเต็นท์ต่อ ผมเดินตามหาเต็นท์จนหมดเวลา ถึงเวลาที่ต้องตั้งแค้มแล้ว ผมยังไม่เห็นวี่แววของเต็นท์ หรือเส้นทางที่คุ้นหู คุ้นตาเลย หรือกระทั่งล่องรอยของมนุษย์ก็ไม่มี ผมหาทำเลเพื่อผูกเปลตั้งแค้มพัก และก่อกองไฟย่างงูและหน่อไม้ เมื่อผมผูกเปล และ ก่อไฟเสร็จ ผมก็เริ่มถลกหนังงูโดยวิธี ใช้มีดเล่มเล็กปักตรงเนื้อส่วนที่ตัดหัวทิ้งไปไว้กับต้นไม้ จากนั้นก็รูดหนังออกทางปลายหางงู แล้วจึงฟักเครื่องในออก โยนใส่ก่องไฟไป เราไม่ควรทิ้งซากสัตว์ที่ชำแหละ เพราะกลิ่นของมันจะไปไกลหลายกิโลเมตร และมันอาจจะเป็นสิ่งที่พาสัตว์กินซากอย่างหมาไน มาพบกับผมเป็นการส่วนตัว และผมไม่อยากเจอมัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือเอาชิ้นส่วนของงูที่ผมไม่กินโยนใส่กองไฟไปซะดีกว่า ผมนำไม้ไผ่สดที่ผมตัดมาผ่าออก แล้วเอาเนื้องูโรยเกลือที่ผมมีมาในกระเป๋าอีกนิดหน่อย ขดเอาไม้ไผ่คีบตรงกลาง แล้วย่างไฟ ส่วนหน่อไม้ก็โยนใส่ไปในไฟเลย จากนั้นผมก็สำรวจสุขภาพตัวเองตามปกติ พร้อมฆ่าเวลาด้วยการเก็บก้อนกรวดมาซ้อมยิงหนังสติ๊ก เพื่อให้ชำนาญขึ้น แม่นยำขึ้น เพราะในการเดินต่อในครั้งหน้า ผมอาจจะอยู่ในสถานที่ๆไม่มีก้อนกรวดก็ได้ แล้วอาจต้องใช้ลูกเหล็กที่มีอยู่จำกัด ดังนั้นความแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ พอเนื้องู และ หน่อไม้สุก ผมเริ่มแกะหน่อไม้กินก่อน แต่หน่อไม้มันข่มเสียจนกินไม่ได้ แต่ยังดีที่มีเนื้องูหลาม ไม่งั้นวันนี้ผมคงต้องทนกินหน่อไม้ขมๆแน่ๆ ผมตัดเอาเนื้องูออกมากินประมาณครึ้งตัว ส่วนที่เหลือผมเอาอังไฟไว้ให้มันแห้ง เพื่อเก็บไว้กินได้ต่อในวันพรุ่งนี้ ส่วนหน่อไม้ ผมเอามาฉีกออกเป็นเส้นๆ ใส่ถงซิบที่ผมมีมาในกระเป๋า เอาเก็บไว้หากเจอแหล่งน้ำคราวต่อไป ผมจะได้เอามาต้มให้หายขม เมื่อผมกินเสร็จแล้ว ก็เตรียมตัวนอนพักเอาแรง แต่ในคืนวันนี้ ผมมีปัญหากับยุงและแมลงที่เยอะจนหน้าลำคาญ ผมจึงออกเก็บกิงไม้ที่มีใบไม้สดติดอยู่ แล้วขยายกองไฟออกมาอีกกองเอาไว้เหนือทางลมจากจุดที่ผมผูกเต็น ผมเอากิ่งไม่ที่มีใบไม้สดใส่กองไฟเพื่อให้เกิดควัน เพื่อไล่แมลง และยุง จากนั้นจึงขึ้นเปลนอน

ติดตามชมกันตอนต่อไปนะครับ
เอาหลังครับจนกันไปสำหรับตอนที่ 3 นะครับ ตื่นเต้นกันพอสมควรจากนี้เป็นประมวลภาพในเหตุการนี้นะครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาค้นข้อมูลฮ่าๆ เพราะบางอย่างท่านผู้อ่านก็ไม่รู้จักเอาละครับ มาดูรูปกันรูปนี้ไม่ใช่รู้จริงในเหตุการนะครับ เเต่เป็นรูปที่ยกตัวอย่างมาเพื่อให้เป็นความรู้เสริมเท่านั้นเอง

เถาวัลย์ น้ำ นะครับ








ปอหูช้างครับ







ตะเเบกครับ



งูหลามครับ

อันนี้ยางนาครับ



สุดท้ายต้นกระทุ่มน้ำครับ



ก็จบไปเเล้วนะครับสำหรับพาสนี้ เจอกันใหม่พาสหน้าตอนหน้าครับ ขอบคุณที่ติดตามกัน DANTE

3 ความคิดเห็น:

  1. มีอะไรฝากข้อความถึงผมได้นะครับ จะรีบทำโพสใหม่โดยเร็ว กำลังซ่อมคอมครับฮ่าๆ

    ตอบลบ
  2. เถาวัลย์ น้ำ พบได้ที่ไหนบ้างคับ ?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พบได้ทั่วไปในป่าเขตร้อนชื้นครับผม ลักษณะตามภาพเลย ถ้ามีโอกาศผมจัมาเขียนรายละเอียดให้ครับ

      ลบ